วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำไงดีกับวันวาเลนไทน์

วันแห่งความรัก วาเลนไทน์ (Valentine’s Day)

14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก วันที่ทุกคนจะมอบความรักให้กันและกันเป็นพิเศษ ในปีนี้ 2557 วันวาเลนไทน์ ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยปีนี้ตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย ก็คือ วันมาฆบูชาวันนี้พี่เพทายจึงนำประวัติ ความเป็นมาของวันวาเลนไทน์ ที่จะถึงนี้มาฝากกันค่าาา
http://ecards.dmc.tv/images/ecards/cards/e1194.jpg
วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) 
มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่ง เป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่งอิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ต่อมาในรัชสมัยจักรพรร
ดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม ที่มีกษัตริย์ใจคอดุร้ายและทรงนิยมการทำสงครามนองเลือดและทรงห้ามการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด

โดยขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรม ได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เองจึงทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตเซนต์วาเลนไทน์ ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อว่าจูเลียซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตนั้น เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลียอันเป็นที่รัก โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 (วันวาเลนไทน์) หรือ พ.ศ.813 ราว 1,738 ปี หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่ โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม ซึ่ง จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์หรือ วาเลนตินัสแด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัวแต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจใน วันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้



Valentine  

 ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์ 
  
หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine." 

   ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart)  เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่ง สัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร


                                  ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจาก                                                ผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่น หมายถึงหล่อนจะแต่งงาน                               กับเขา

 บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี  ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ล ได้หมดพอดี
  
 ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้ 

ดอกกุหลาบ วาเลนไทน์


กุหลาบสีแดง

ต้องคู่กับ ดอกกุหลาบ ขาดจากกันไม่ได้ การบอกรักด้วยดอกกุหลาบนั้น สามารถบอกถึงนิสัยและความหมายของสีดอกกุหลาบได้อีกด้วย
กุหลาบสีแดง (Red Rose): แทนความหมายว่า ฉันรักเธอ
กุหลาบสีขาวกุหลาบสีขาว (White Rose) : แทนความหมายว่า ความรักอันบริสุทธิ์
กุหลาบสีชมพูกุหลาบสีชมพู (Pink Rose) : แทนความหมายว่า ความรักแบบโรแมนติก
กุหลาบสีเหลืองกุหลาบสีเหลือง (Yellow Rose) : แทนความหมายว่า ความรักแบบเพื่อน
ดอกกุหลาบบอกรัก
1 ดอก คือ รักแรกพบ
2 ดอก คือ แสดงความยินดีด้วย
3 ดอก คือ ฉันรักเธอ
7 ดอก คือ เธอทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก คือ เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คือ เธอเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คือ เธอเป็นสมบัติที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอก คือ ขอให้เธอเป็นคู่ฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก คือ เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก คือ ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ดอก คือ ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก คือ ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก คือ ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอก คือ ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก คือ ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก คือ ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก คือ ฉันมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอก คือ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้าย
1,000 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวันตาย
9,999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอชั่วนิรันดร